RICH
DAD
POOR DAD
Robert T. Kiyasaki
ถ้าถามว่าได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้จบ อย่างแรกเลยคือ พลอยอ่านมันจบค่ะ! เย่ ฮ่าา สำหรับคนที่แทบไม่ได้อ่านหนังสือเลยแบบพลอย การอ่านหนังสือสักเล่มจบรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากๆ ในช่วงแรกของการอ่าน แต่ละวันพลอยอ่านได้น้อยมาก พอผ่านไปสักพัก ปริมาณหน้าของหนังสือและสมาธิที่จดจ่อในการอ่านก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น จนพลอยสามารถอ่านหนังสือยาวๆเป็นชั่วโมงได้
หนังสือเล่มนี้ถือว่าไม่ได้อ่านยากอะไรมากมาย มีเหตุการณ์ที่เป็นบทสนทนาสอดแทรก แล้วก็มีรูปประกอบคำอธิบายด้วย ช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้นเยอะเลย
ประเด็นของหนังสือที่พลอยสนใจคือการพูดถึงเรื่อง ทรัพย์สิน และหนี้สิน ในหนังสือใช้แผนภูมิของ งบรายรับ-รายจ่าย และงบดุล มาอธิบายพื้นฐานทางการเงิน สรุปแบบง่ายๆได้ว่า ทรัพย์สิน คือ สิ่งที่ทำให้เงินไหลเข้ากระเป๋า ส่วนหนี้สินคือ สิ่งที่ทำให้เงินไหลออกจากกระเป๋า หนังสือเขียนไว้ว่า "คนรวยครอบครองทรัพย์สิน ในขณะที่คนจนและคนชั้นกลางครอบครองหนี้สิน โดยคิดว่ามันคือทรัพย์สิน" ..
หนังสือเล่มนี้ถือว่าไม่ได้อ่านยากอะไรมากมาย มีเหตุการณ์ที่เป็นบทสนทนาสอดแทรก แล้วก็มีรูปประกอบคำอธิบายด้วย ช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้นเยอะเลย
ประเด็นของหนังสือที่พลอยสนใจคือการพูดถึงเรื่อง ทรัพย์สิน และหนี้สิน ในหนังสือใช้แผนภูมิของ งบรายรับ-รายจ่าย และงบดุล มาอธิบายพื้นฐานทางการเงิน สรุปแบบง่ายๆได้ว่า ทรัพย์สิน คือ สิ่งที่ทำให้เงินไหลเข้ากระเป๋า ส่วนหนี้สินคือ สิ่งที่ทำให้เงินไหลออกจากกระเป๋า หนังสือเขียนไว้ว่า "คนรวยครอบครองทรัพย์สิน ในขณะที่คนจนและคนชั้นกลางครอบครองหนี้สิน โดยคิดว่ามันคือทรัพย์สิน" ..
จากแผนภูมินี้ก็ทำให้ได้ไอเดียในการวางแผนทางการเงิน และการใช้จ่ายได้ดีเลยล่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีรายได้ของตัวเอง และไม่มีทั้งทรัพย์สินและหนี้สิน ฮ่าา เพื่อความสะดวกสบายเราก็ควรมีรายรับมากๆ ทั้งจากงานที่ทำและจากทรัพย์สินที่เรามี แล้วก็จัดสรรส่วนของรายจ่ายให้ไม่สูงมากจนล้นรายรับทั้งในชีวิตทั่วๆไปและรายจ่ายที่มาจากหนี้สิน การเลือกจ่ายให้ตัวเองก่อนเมื่อมีรายรับ จ่ายออกไปเพื่อเพิ่มในช่องทรัพย์สินแล้วค่อยนำไปจ่ายให้กับช่องรายจ่าย ก็เป็นไอเดียที่ดีเลยทีเดียวค่ะ
ในหนังสือเขียนไว้ว่า "ความรู้คือทรัพย์สิน ความไม่รู้คือความเสี่ยง" ดูเหมือนว่าจะจริงมากซะด้วย อย่างเรื่องการวางแผนทางการเงินและความเข้าใจทางการเงินมีก็ความสำคัญอยู่ไม่น้อยเลยนะคะ ไม่ใช่แค่ว่าก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว หรือใช้จ่ายแบบไม่คิดอะไรเลย แบบนั้นจะทำให้เรามีปัญหาได้แน่ๆ แบบนี้เรามาขยันเติมความรู้ลดความเสี่ยงกันเถอะค่ะ :-)
0 comments:
Post a Comment